วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559


10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศมาเลเซีย

"ประเทศมาเลเซีย" อย่างแน่นอน เพราะที่นี่รวมคนจากหลายเชื้อชาติเอาไว้ด้วยกัน สะท้อนออกมาเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างแต่ผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว ผ่านสิ่งก่อสร้างและประเพณีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายอีกด้วย

1. อุทยานแห่งชาติกูนุงมูลู (Gunung Mulu National Park)



คงไม่เกินจริงเลยสักนิดหากจะบอกว่าอุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู รัฐซาราวัก คือหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่งดงามที่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยหินปูนที่เรียงรายเป็นรูปแปลกตาสวยงามราวกับงานศิลปะ ทว่าเกิดขึ้นมาจากฝีมือของธรรมชาติล้วน ๆ รวมทั้งถ้ำซาราวัก ถ้ำใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใหญ่พอจะสามารถใช้จุเครื่องบินโบอิ้ง 747 จำนวน 40 ลำได้สบาย ๆ

2. ลังกาวี (Langkawi)



ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาเลเซีย บริเวณทะเลอันดามัน คือที่ตั้งของหมู่เกาะลังกาวี ที่ประกอบไปด้วยเกาะมากถึง 99 เกาะ ซึ่งอวดโฉมความงดงามตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด ป่าฝน ป่าชายเลน และภูเขา โดยปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น โรงแรมและร้านอาหารไปเปิดมากขึ้นแล้ว ช่วยให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงโคจรเลยทีเดียว

3. ทามาน เนการา (Taman Negara)


ที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นป่าฝนเขตร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ที่ได้รับการดูแลมาเป็นเวลาช้านานคงเชื่อถือได้แน่ ๆ ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยพืชหายากนานาพรรณ และสัตว์ป่ามากมายหลายชนิด รวมไปถึงเสือมาลายัน ช้างเอเชีย และกระซู่ ทำให้ ทามาน เนการา เป็นสถานที่โปรดของคนรักการผจญภัยใกล้ชิดกับสัตว์ป่า

4. กัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur)


ไม่ต่ำกว่า 200 ปีก่อน กัวลาลัมเปอร์เคยเป็นแค่เมืองขุดเหมืองของมาเลเซียเท่านั้น มันเป็นเมืองที่เงียบเหงา ผิดกับปัจจุบันที่มีผู้คนพลุกพล่านเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทันสมัย ที่คนรักการสังสรรค์ต้องมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการช้อป ทานของอร่อย หรือชมวิวสูงบนตึกระฟ้า เชื่อเถอะว่าที่นี่ตอบโจทย์ของคุณได้หมดแน่นอน

5. ปีนัง (Penang)


เกาะปีนังบริเวณช่องแคบมะละกา ทางตอนใต้ของชายฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือประเทศมาเลเซีย คือหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเมืองจอร์จทาวน์บนเกาะแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งก็ว่าได้ แถมจากการที่มันเป็นแหล่งขนส่งติดต่อกับชาวต่างชาติ ยังทำให้ปีนังเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายอีกต่างหาก

6. กูชิง (Kuching)


เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเกาะบอร์เนียว เป็นที่พักที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะอยู่ระยะยาว และเที่ยวชมมาเลเซียให้ทั่วสักหน่อย คุณสามารถแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดโทวเปกกง วัดจีนที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุด หรือเดวาน อันดันกัน เนเกรี อาคารราชการที่มีรูปทรงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

7. โคตา คินาบาลู (Kota Kinabalu)


บริเวณเมืองหลวงของรัฐซาบาห์นี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากมาย โดยเฉพาะอุทยานสัตว์ป่า ลอค คาวี และอุทยานแห่งชาติคินาบาลู ซึ่งมีสัตว์ป่าอย่างลิงจมูกยาว, ลิงอุรังอุตัง, เสือ และช้าง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสไตล์เอาท์ดอร์ให้ทำมากมาย อาทิ การตั้งแคมป์, เดินป่า, ปีนเขา หรือล่องเรือก็มีครบหมด

8. คาเมรอน ไฮแลนด์ (Cameron Highlands)


หลบหนีจากความร้อนแล้วมาสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เย็นชื่นใจ ที่ คาเมรอน ไฮแลนด์ บนภูเขาติติวังซา ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ของที่นี่ และมีบรรยากาศสวยตรึงตาตรึงใจสมกับที่ผู้คนชื่นชอบกันจริง ๆ โดยมีทั้งสวนดอกไม้, ไร่ชา และสวนผักผลไม้ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ตามใจชอบ นอกจากนี้การแวะชมพิพิธภัณฑ์ ไทม์ ทันเนล เพื่อดูประวัติความเป็นมาของที่นี่ก็น่าจะช่วยให้ทริปของคุณพิเศษยิ่งขึ้น

9. มะละกา (Melaka)


ด้วยความที่มันมีบทบาทสำคัญในการเดินเรือระหว่างอินเดียและจีน ทำให้มันได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย จนมีสิ่งก่อสร้างจากศิลปะที่แตกต่างปะปนอยู่ด้วยกัน กลายเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่งดงาม ทั้งวัดจีนเก่าแก่ เช็งฮุนเต็ง และสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของชาวดัตช์

10. โกตาบารู (Kota Bharu)


นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาที่นี่ไม่ขาดสายทุกปี ซึ่งโกตาบารูอยู่ใกล้เขตชายแดนบ้านเรานี่เอง และสถานที่พลาดไม่ได้ของที่นี่ ก็คือ พิพิธภัณฑ์ Museum of Royal Traditions and Ceremonies ที่แค่ไปเห็นปราสาทไม้รวมทั้งสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของราชวงศ์ก็คุ้มค่าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตลาดกลางขนาดใหญ่ของที่นี่ยังขึ้นชื่อ น่าซื้อของกินให้จุใจอีกด้วยนะ

5 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศกัมพูชา

มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา อยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนทางทิศตะวันตกและทิศเหนือติดต่อกับไทย เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน และใกล้ชิดกับประเทศไทยอย่างมาก หลายคนรู้จักกัมพูชาในแง่ทางประวัติศาสตร์และการเมืองที่ไม่สู้ดีนัก แต่ที่จริงแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวในกัมพูชานั้น มีที่น่าสนใจอยู่หลายต่อหลายเมืองด้วยกัน ซึ่งเต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวสวยๆ ดึงดูดใจให้ไปเยี่ยมเยือนประเทศกัมพูชาซักครั้งในชีวิต

1.พนมเปญ (Phnom Penh)




เมืองหลวงของกัมพูชา เมืองท่องเที่ยวเมืองแรกที่คุณต้องไม่พลาด หากพักใจกลางเมือง คุณสามารถเดินเที่ยวเล่นชมเมือง และไปยังสถานที่เที่ยวสำคัญได้ไม่ยากเลย ที่แรกที่เราขอแนะนำ คือวิมานเอกราช (Vimean Ekreach) สร้างขึ้นในปี 1958 เป็นอนุสาวรีย์ที่รำลึกถึงการได้เอกราชจากฝรั่งเศส เดินถัดมาเพียงเล็กน้อยคุณจะพบกับพระบรมราชนุสาวรีย์ของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อีกหนึ่งที่เที่ยวยอดฮิตของเมืองนี้ ในบริเวณเดียวกัน มีน้ำพุเต้นระบำให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เดินทางห่างไปประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวัง (Royal Palace) ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับวัดพระแก้วบ้านเรานี่เอง อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมวัดพนม (Phnom Temple) อายุเกือบ 700 ปี ที่ตั้งอยู่ในสวนหย่อมเล็กๆ เงียบสงบ ส่วนไฮไลท์เด็ดที่เราไม่อยากให้คุณพลาด คือ ย้อนอดีตกลับไปยัง เจืองเอ็ก (Choeung Ek) หรือที่เรียกกันว่า ทุ่งสังหาร สถานที่เก็บไว้ซึ่งประวัติศาสตร์การเข่นฆ่า น่าหดหู่หน่อย แต่หากสนใจประวัติสาสตร์แล้ว ที่นี่ให้ทั้งความรู้และความตระหนักรู้ต่อชีวิตผู้คนได้อย่างดีเลยทีเดียว ผ่านบรรยากาศหดหู่ไปแล้ว คลายใจด้วยการไปช้อปปิ้งเบาๆ ที่ตลาดรัสเซีย (Russia Market) ก็เพิ่มสุขได้ไม่ใช่น้อย และที่สุดท้าย คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของกัมพูชา เปิดให้เข้าชมวัตถุโบราณที่เป็นสมบัติของชาติเขมร คุณจะพบว่าบางชิ้นมีอายุเป็นพันๆ ปีกันเลยทีเดียว
ไปเที่ยวช่วงไหนดี เที่ยวพนมเปญต้องไปช่วงธันวาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่มีอากาศเย็นที่สุดของกัมพูชา อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส และจะลดต่ำลงในช่วงเวลากลางคืน ช่วงหลังกุมภาพันธ์เป็นต้นไปอากาศค่อนข้างร้อนมากไปจนถึงพฤษภาคมจะพบกับฤดูฝน

2.เสียมราฐหรือเสียมเรียบ (Siem Reap)




มาถึงเสียมเรียบต้องไม่พลาดโตนเลสาบ (Great Lake, Tonle Sap) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร คุณสามารถล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวบ้านได้อย่างใกล้ชิด สัมผัสธรรมชาติและสายน้ำแห่งชีวิต จากนั้นไปยังที่เที่ยวยอดนิยมทางประวัติศาสตร์สัญลักษณ์ของเมืองนี้ อย่างนครวัด (Angkor Wat) และนครธม (Angkor Thom) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดเก่า (Old market ) ซึ่งคุณสามารถช้อปปิ้งซื้อของฝากได้จากที่นี่ ในบริเวณนครวัด-นครธม จะมีพนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) ปราสาทหินที่ตั้งอยู่บนภูเขา ที่เราขอแนะนำให้ไปชมพระอาทิตย์ตกดิน ถัดจากนครวัดไม่ไกล เป็นที่ตั้งของปราสาทตาพรหมที่มีความเก่าแก่กว่าพันปี เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Tomb Raider ด้วยนะ เรียกว่าไม่ธรรมดา หากยังพอมีเวลา เราอยากให้คุณพาตัวเองออกจากตัวเมืองมาที่ท้ายสรี อยู่ห่างจากตัวเมืองราว 30 กิโลเมตร แลดูไกลแต่ไปเถอะ รับรองว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า คุณจะได้พบกับปราสาทหินสีชมพูสวยงามวิจิตรไม่แพ้ที่พบเห็นมาแล้วจากนครวัดเลยล่ะ เลยจากบันท้ายเสรี (Ban Tai Srei) ไปประมาณ 10 กิโลเมตร คุณจะได้พบกับกบาลสะเปียน (Kban Spean) แหล่งท่องเที่ยวที่ค่อนข้างจะเป็นธรรมชาติ คุณจะพบกับลำธาร น้ำตก สะพานหิน และเทวรูปศิวลึงก์กับโยนีใต้น้ำ ที่มีความยาวติดต่อกันกว่า 1 กิโลเมตร สุดท้าย หากยังไม่จุใจกับธรรมชาติ ให้คุณไปต่อที่พนมกุเลน (Phnom Kulen) เทือกเขาขนาดใหญ่เมืองหลวงของขอมในอดีตด้วย ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ไปเที่ยวช่วงไหนดี เสียมเรียบมีอากาศแบบร้อนชื้นตลอดทั้งปี มีเพียงช่วง ธันวาคมและมกราคมที่อากาศจะไม่ร้อนมากนัก เหมาะแก่การไปเยือน ช่วงกุมภาพันธ์ไปจนถึงพฤษภาคมอากาศจะเริ่มร้อน และแดดแรงสามารถไปเที่ยวได้อยู่ ส่วนหลังพฤษภาคมไปแล้วเป็นช่วงอิทธิพลลมมรสุม มีฝนตกชุก ทำให้หมดสนุกในการเที่ยวได้

3.มณฑลคีรี (Mondulkiri)




เมืองสวยๆ งามๆ ที่เราภูมิใจนำเสนอสุดฤทธิ์ ที่นี่ได้รับฉายาว่า สวิสเซอร์แลนด์แห่งแดนเขมรเชียวนะ ที่นี่โอบล้อมไปด้วยภูเขา และธรรมชาติที่งามตา มีวิวเป็นทิวเขามีทุ่งหญ้าเตี้ยๆ ไล่ระดับ ทอดยาว และยังมีอากาศที่เย็นสบาย เรียกว่าสมชื่อฉายาที่ได้รับ มาเมืองนี้แล้วคุณต้องไม่พลาดไปเที่ยวน้ำตกบุสรา (Bousra Waterfall) น้ำตกที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดในกัมพูชา กว้างขวางและไหลตกค่อนข้างแรง น้ำตกที่นี่มีสามชั้นด้วยกัน ชั้นบนสุดคุณสามารถนั่งรถผ่านไปยังหมู่บ้านชาวเขาได้ บริเวณน้ำตกมีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก สามารถนั่งทานอาหารเคล้าบรรยากาศธรรมชาติได้อย่างลงตัว เที่ยวน้ำตกแล้วหากคุณเช่ารถยนต์ขับเที่ยวเอง สามารถขับรถเที่ยวกินลมชมทิวสนตลอดเส้นทางทั้งในและรอบตัวเมืองได้อย่างชิลๆ ที่สุดท้ายที่เราอยากให้คุณได้ไปเยือน คือ ตลาดเช้าของเมืองแห่งนี้ คุณจะได้เยี่ยมชมสัมผัสชีวิตท้องถิ่นของชาวเขมรที่เรียบง่ายและเนิบช้า
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ช่วงปลายปีธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์เหมาะสมต่อการไปเที่ยวที่นี่ที่สุด เราขอแนะนำช่วงนี้เลย เพราะอากาศจะเย็นกว่าเมืองอื่นๆ และบรรยากาศจะสวยงามราวอยู่ที่สวิสฯ ช่วงหลังกุมภาพันธ์ไปอากาศจะเริ่มร้อนขึ้นในช่วงกลางวันและเย็นลงในตอนกลางคืน หลังพฤษภาคมไปนั้นมีฝนตกชุกเพราะลมมรสุม

4.รัตนคีรี (Ratanakiri)





เมืองแห่งภูเขาและบึงยักษ์ลม (Boeng Yeak Lom) บึงใหญ่อดีตปล่องภูเขาไฟอายุกว่า 700,000 ปี บึงแห่งนี้มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 800 เมตร ลึก 50 เมตร บึงแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นไฮไลท์สำคัญของการทัวร์กัมพูชา ที่หากมาแล้วไม่ได้เที่ยวบึงยักษ์ จัดว่ามาไม่ถึง นอกจากบึงใหญ่สวยงามแห่งนี้แล้ว เราอยากให้คุณไปเที่ยว ภูเขาสวยและน้ำตกงามๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียทีในการมาเยือนเมืองที่เต็มไปด้วยภูเขาแห่งนี้้ น้ำตกเลื่องชื่อน่าไปเยือนของเมืองแห่งนี้มี 4 แห่งด้วยกัน ได้แก่ น้ำตกชาอัง (Cha Ung Waterfall), น้ำตกคาชัน (Kachanh Waterfall), น้ำตกคาเทียง (Katieng Waterfall) และ น้ำตกอูซินแลร์ หรือ น้ำตก 7 ชั้น (Ou’Sinlair Waterfall หรือ 7-level Waterfall) นอกจากนี้ คุณยังสามารถไปเที่ยวชมสัมผัสชีวิตชนกลุ่มน้อยดื่มด่ำบรรยากาศบริสุทธิ์และซึมซับวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำกิจกรรมกับชาวบ้านได้อีกด้วย ที่นี่มีที่พักแบบโฮมเสตย์ไว้คอยบริการด้วย และตลาดเช้าก็น่าสนใจไม่แพ้เมืองอื่นๆ เราอยากให้คุณไปลองสัมผัสซักครั้ง คุณจะได้พบกับข้าวของน่าสนใจ ที่ชาวบ้านมานั่งขายอย่างหลากหลาย ทั้งอาหารและขนมหวานท้องถิ่นในแบบที่คุณไม่สามารถหาทานได้จากที่ไหน
ไปเที่ยวช่วงไหนดี เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ยังคงเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดที่เราอยากแนะนำ เพราะกัมพูชามีสภาพอากาศร้อนชื้นไม่ต่างจากไทยมากนัก ช่วงปลายปีถึงต้นปี อากาศจะดีกว่าช่วงอื่นๆ ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ เคล้าธรรมชาติเขียวขจี เรียกว่า สดชื่นได้แบบสุดๆ นอกเหนือจากช่วงเวลาที่กล่าวมา ยังสามารถท่องเที่ยวได้ปกติ เพียงแต่อาจไม่สะดวกสบาย หรือต้องเตรียมตัวมากหน่อยในเรื่องต่างๆ

5.สีหนุวิลล์ (Sihanoukville)



มาที่นี่ทั้งที หนีไม่พ้นต้องเที่ยวทะเลนะจ๊ะ สีหนุวิลล์หรืออีกชื่อหนึ่งกำปงโสม จัดได้ว่าเป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงที่สุดของกัมพูชาเลยล่ะ เป็นเมืองสีสันอีกแห่งที่มีความเป็นเมืองและธรรมชาติวางตัวอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ถนนหนทางที่นี่ ไม่พลุกพล่านมากนัก มีถนนติดหาดที่คุณจะได้เห็นคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง อยากให้คุณนึกถึงพัทยาบ้านเรา แต่เป็นในแบบที่เงียบสงบกว่ามาก เมื่อมาเยือนเมืองนี้แล้ว คุณต้องนั่งเรือไปเยือนเกาะโรงซัมเลือม (Rong Samloem) ที่ได้รับการจัดอันดับจาก New York Times ให้เป็น 1 ใน 45 สถานที่ท่องเที่ยวน่าไปของปี 2012 ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะว่า สถานที่ท่องเที่ยวของกัมพูชาก็ติดอันดับโลกกับเค้าเหมือนกัน ที่นี่ คุณจะได้สัมผัสน้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว นักท่องเที่ยวไม่มากมายนัก ให้คุณเต็มอิ่มกับธรรมชาติและความเงียบสงบอย่างเรียบง่าย ให้เวลารอบตัวคุณเดินไปอย่างเชื่องช้า นอกจากนี้ เมื่อกลับเข้าสู่เมืองยามเย็นริมหาด คุณต้องลองไปที่หาดฮาวาย (Hawaii Beach) นั่งดูพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าบริเวณริมหาด กินลมชมวิวยามค่ำสบายๆ ริมทะเล

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศบรูไนดารุสซาลาม

บรูไน หนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียน ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ติดกับทะเลจีนใต้ และมีชื่อประเทศเต็ม ๆ ว่า เนการา บรูไน ดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam) ซึ่งแปลว่าดินแดนแห่งความสงบสุขบรูไน มีเมืองหลวงชื่อ บันดาร์ เสรี เบกาวัน (Bandar Seri Begawan) โดยมีระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ด้านเศรษฐกิจนั้นโด่งดังเรื่องการส่งออกน้ำมัน จึงถือว่าบรูไนคือหนึ่งในประเทศอันมั่งคั่ง ทางด้านสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมและธรรมชาติอันสวยงาม และกระปุกดอทคอมก็มี มาแนะนำกันค่ะ

1. พิพิธภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย (Royal Regalia Museum)




พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลยสำหรับพิพิธภัณฑ์รอยัลเรกกาเลีย ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน เพราะเป็นที่ซึ่งรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ของสุลต่านองค์ปัจจุบัน ทั้งฉลองพระองค์, เครื่องทรงทองคำ, อาวุธ และเครื่องราชบรรณาการจากประเทศต่าง ๆ ที่มีความวิจิตรงดงาม เช่น คริสตัล หยก งาช้าง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีพระที่นั่งแบบจำลองให้ได้ชมกันด้วย สำหรับส่วนที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ ห้องเล็ก ๆ ที่จำลองขบวนพาเหรดและการตกแต่งอันสวยงาม เนื่องในวโรกาสฉลองครบรอบ 25 ปี การครองราชย์ขององค์สุลต่านนั่นเองค่ะ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายใน ใครที่พกกล้องไปจะต้องฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ด้านนอกเท่านั้นค่ะ

2. มัสยิดทองคำ (Jame Ar' Hassanil Bolkiah Mosque)




มัสยิดทองคำ Jame Ar' Hassanil Bolkiah Mosque ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1988 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1994 เพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงถึงการครองราชย์ครบ 25 ปี ขององค์สุลต่าน และมัสยิดแห่งนี้ยังยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดในประเทศบรูไนด้วย จุดเด่นของมัสยิดทองคำคือหลังคาสีฟ้าน้ำทะเลที่มีโดมทองขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ด้านหน้าของตัวมัสยิดนั้นจะมีสระน้ำอยู่ ซึ่งดูคล้ายกับทัชมาฮาลในประเทศอินเดียทีเดียว

3. หมู่บ้านกัมปงไอเยอร์ (Kampong Ayer)




ถือเป็นความเรียบง่ายที่น่าหลงใหลสำหรับหมู่บ้านกลางน้ำกัมปงไอเยอร์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำบรูไน โดยจะมีการแบ่งเป็นหมู่บ้านย่อย ๆ อีกกว่า 42 หมู่บ้าน และมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 30,000 คนเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละหมู่บ้านนั้นเชื่อมต่อกันหมดด้วยทางเดินที่ทอดยาวกว่าเกือบสามสิบกิโลเมตร บริเวณหมู่บ้านยังประกอบไปด้วยโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านอาหาร มัสยิด ฯลฯ และอาชีพหลักของคนในหมู่บ้านคือการประมงและการเลี้ยงสัตว์ แม้จะดูเรียบง่ายแต่ขอบอกว่าหมู่บ้านแห่งนี้เจริญไม่ต่างจากในเมือง เนื่องจากมีทั้งไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เข้าถึง โดยคุณสามารถเยี่ยมชมหมู่บ้านกลางน้ำกัมปงไอเยอร์ได้โดยการเดินลัดเลาะตามทางเดินที่เชื่อมต่อกัน รวมทั้งการนั่งเรือรับจ้างสัมผัสละอองน้ำบาง ๆ พร้อมกับชมทัศนียภาพโดยรอบของหมู่บ้าน

4. พระราชวัง Istana Nurul Iman (The Istana Nurul Iman palace)




พระราชวัง Istana Nurul Iman สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1987 และมีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในของพระราชวังถูกตกแต่งอย่างประณีตด้วยวัสดุชั้นดี และประกอบไปด้วย 1,788 ห้อง, ห้องน้ำ 257 ห้อง และ 5 สระน้ำ นอกจากนี้ยังมีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุได้ถึง 5,000 คนเลยทีเดียว ที่สำคัญยังพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายเลยค่ะ

5. สวนสนุก Jerudong (Jerudong Park)




อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของประเทศบรูไน ได้แก่ สวนสนุก Jerudong ที่ถูกสร้างให้เป็นของขวัญของประชาชน โดยมีพื้นที่กว้างขวางและใหญ่กว่าสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในฮ่องกงเสียอีก ภายในจะมีเครื่องเล่นมากมาย ทั้งรถไฟเหาะ รถราง เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เพราะสวนสนุก Jerudong ยังมีสนามหญ้าสำหรับครอบครัวที่ต้องการมาปิกนิกอีกด้วย ส่วนค่าผ่านประตูแค่เพียงคนละ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งไม่รวมกับค่าตั๋วของเครื่องเล่นต่าง ๆ ค่ะ

6. ชายหาดอันสวยงาม




มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติกันบ้าง ประเทศบรูไนนอกจากจะโดดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมแล้ว ด้านธรรมชาติยังงดงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาดต่าง ๆ ในประเทศบรูไนที่ติดกับทะเลจีนใต้ ขอบอกว่าแต่ละหาดนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต่างกันไป เช่น หาด Muara ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน เพียง 27 กิโลเมตรเท่านั้น ที่สำคัญหาดทรายยังสวยและพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่พัก ร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีชายหาดขึ้นชื่อ ได้แก่ หาด Meragang, หาด Serasa และหาด Pantai Seri Kenangan

7. อุทยานแห่งชาติ Temburong (Temburong National Park)




อุทยานแห่งชาติ Temburong แหล่งธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของประเทศบรูไน ซึ่งถ้าคุณอยากไปเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติละก็ เราขอแนะนำให้คุณจัดสรรเวลาอย่างน้อยสองคืน เพราะผืนป่าในอุทยานแห่งชาติ Temburong นอกจากจะมีพื้นที่กว้างใหญ่แล้ว ยังมีสัตว์ป่านานาชนิดที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจได้แน่นอน อีกทั้งคุณยังจะได้ศึกษาวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง รวมทั้งการล่องแพไปตามแม่น้ำ Temburong ให้คุณได้ใกล้กับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

8. อนุสาวรีย์น้ำมันหนึ่งล้านบาร์เรล (Billionth Barrel Monument)





ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศส่งออกน้ำมันอันดับต้น ๆ ของโลก บรูไนจึงสร้างอนุสาวรีย์ Billionth Barrel Monument ขึ้นที่เมืองซีเรีย เพื่อเป็นการฉลองความมั่งคั่งของประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ และที่สำคัญยังมีการขุดเจาะและค้นพบแหล่งน้ำมันอีกเรื่อย ๆ ด้วย ทั้งนี้อนุสาวรีย์ Billionth Barrel Monument ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1991 เนื่องจากเป็นปีประวัติศาสตร์สำคัญที่บรูไนสามารถผลิตน้ำมันได้สูงถึง 1 พันล้านบาร์เรลนั่นเองค่ะ ถ้ามีโอกาสไปเยือนบรูไนก็อย่าลืมแวะเวียนไปถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมั่งคั่งของประเทศนี้ด้วยนะ

9. พิพิธภัณฑ์บรูไน (Brunei Museum)




หากต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศบรูไน เราขอแนะนำพิพิธภัณฑ์บรูไน ที่ซึ่งจะตอบโจทย์คุณได้ดีทีเดียว ภายในพิพิธภัณฑ์จะประกอบไปด้วยหลายโซน ได้แก่ โซนแกลลอรี่ ที่มีรูปภาพประวัติศาสตร์แสดงถึงความเป็นมาของประเทศบรูไน ทั้งทางด้านวัฒนธรรมและการค้า, โซนแสดงโบราณวัตถุอันเก่าแก่และล้ำค่าจากมุสลิมทั่วโลก ทั้งคัมภีร์อัลกุรอานขนาดเล็กที่สุดในโลก, เครื่องประดับที่ทำด้วยทองสมัยโบราณ และหุ่นจำลองวัฒนธรรมประเพณีของชาวบรูไนสมัยก่อน ฯลฯ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลยค่ะ

10. ย่านช้อปปิ้งของบรูไน




แน่นอนว่าอีกหนึ่งสีสันของทุกทริปคือย่านช้อปปิ้ง ที่นักท่องเที่ยวอยากจะได้ของประจำชาตินั้น ๆ ติดไม้ติดมือไปเป็นที่ระลึกและสำหรับเป็นของฝาก และที่บรูไนก็มีหลายย่านด้วยกัน ส่วนสถานที่ช้อปปิ้งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคือ Yayasan Sultan Haji Hassanal Bolkiah Complex ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดของบรูไน ที่มีสินค้าน่าสนใจมากมายหลากหลายราคา เช่น สินค้าพื้นเมือง, ของโบราณ ไปจนถึงคริสตัลและเครื่องประดับราคาแพงเลยค่ะ ที่สำคัญตัวคอมเพล็กซ์ยังงดงามไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และห้าง Gadong Shopping Mall ก็เป็นอีกสถานที่ช้อปปิ้งที่น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ

1


13 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศอินโดนีเซีย

อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีประชากรเป็นอันดับ 4 และมีหมู่เกาะมากที่สุดในโลก ใช่แล้วค่ะ เรากำลังแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจับตามองที่สุดคืออินโดนีเซีย ดินแดนที่ควบคุมเส้นทางการเดินเรือสองมหาสมุทร มากด้วยทรัพยากรและวัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงกลายเป็นจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เรียกนักท่องเที่ยวได้อย่างมากมาย ที่สำคัญว่ากันว่าหากเปิด AEC แล้ว อินโดนีเซีย มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างแน่นอน . . .ดังนั้น หากคุณกำลังสนใจที่จะท่องเที่ยว แต่ด้วยความที่อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และหลากหลายด้วยวัฒนธรรม จนเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหนดี เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด 13 สถานที่ของอินโดนีเซีย มาเป็นตัวเลือกให้ดูกัน


1. บาหลี ดินแดนแห่งเทพเจ้าและภูเขาไฟ อัญมณีแห่งมหาสมุทรอินเดีย




สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว บาหลีเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยความสวยงามของภูมิประเทศที่หลากหลาย ที่มีลักษณะภูมิศาสตร์ของภูเขาไฟ กับนาข้าวแบบขั้นบันได แถมยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสายของบาหลี

บาหลี ไม่เพียงแต่มีภูมิประเทศที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆเท่านั้น ยังเด่นในเรื่องของศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรมและศาสนามากกว่าพันปี โดยผสมผสานความเชื่อของชนเผ่าดั้งเดิมและอารยธรรมสำคัญถึง 3 ศาสนา อย่างในด้านของศิลปะโดยการแสดงออกทางการร่ายรำของบาหลี โดยมากอิงมาจากวรรณคดีอมตะของอินเดีย และแหล่งความเชื่อที่ยังคงเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์และสวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของบาหลี นั่นคือวัดเบซากีห์ รวมถึงถนนที่โดดเด่นไม่เหมือนใครโดยมีสถาปัตยกรรมแบบกลุงลุงที่มีความงดงามมากแบบหนึ่ง



นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาที่บาหลีเท่านั้น โดยส่วนมากสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกให้แวะมาเยือนที่บาหลีมากที่สุด คือชายหาดสำคัญอย่าง Kuta ที่อยู่ห่างจากสนามบินเพียง 2-3 กิโลเมตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่หลงใหลกลิ่นไอทะเล โดย Kuta มีจุดเด่นด้วยหาดที่ยาวกว่า 8 กิโลเมตร เป็นศูนย์รวมกิจกรรมของนักท่องเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะกีฬาชายหาด เพียงแค่คุณเดินเล่น ถ่ายรูป ก็สุขได้ไม่รู้ลืม

2. วัดบุโรพุทโธ มหาเจดีย์ สิ่งมหัศจรรย์แห่งอินโดนีเซีย




แม้จะไม่ได้อยู่ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่สำหรับคนอินโดนีเซียแล้ว วัดบุโรพุทโธถือเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด โดยตั้งอยู่ที่เมืองยอร์กยาการ์ตา หรือ ยอกยา บนเกาะชวา ถูกสร้างขึ้นก่อนปราสาทนครวัดของกัมพูชาประมาณ 300 ปี ตั้งบนเนินเขาที่กว้างใหญ่ โดยจำลองจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำคงคาและแม่น้ำยมนาไหลมาบรรจบกัน ซึ่งเป็นต้นกำเนินแห่งศาสนาพุทธ
วัดบุโรพุทโธ จึงถือเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของศาสนาพุทธลัทธิมหายานที่มีความเก่าแก่ และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก โดยสถาปัตยกรรมที่แสดงออกถึงความเป็นอัจฉริยะสูงสุดทางศิลปะสมัยไศเลนทรา ที่แตกต่างจากโบราณสถานทุกแห่งในชวา และยังเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธมาอย่างช้านาน โดยความมหัศจรรย์ของบุโรพุทโธนี้ เกิดจากความคิดที่สร้างสรรค์ด้วยรูปแบบของศิลปะจากความคิดของช่าง โดยการสร้างตามแบบศิลปะชวาภาคกลาง ที่ผสานงานศิลปะระหว่างอินเดียและอินโดนีเซียได้อย่างกลมกลืน – เที่ยวอินโดนีเซีย


3. อุทยานแห่งชาติโคโมโด มังกรโคโมโด ความงามที่แฝงอันตราย




อุทยานแห่งชาติโคโมโด ตั้งอยู่บนเกาะภูเขาไฟ ประกอบด้วยสามเกาะหลัก คือ โคโมโด ริงกา ปาดาร์และเกาะเล็กๆอีกมากมาย ด้วยระบบนิเวศน์ที่หลากหลาย เป็นที่อยู่ของสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ที่เราเรียกกันว่ามังกรโคโมโด ซึ่งสัตว์เหล่านี้ไม่สามารถหาได้จากที่ใดในโลก จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แม้กระทั่งบรรดานักวิทยาศาสตร์เอง ก็แวะเวียนเข้ามาศึกษาทฤษฎีของวิวัฒนาการที่หลากหลายและสลับซับซ้อนแต่ในเวลาไม่นานผู้ล่ากลับกลายเป็นผู้ถูกล่า จนทำให้ใกล้สูญพันธุ์ ทางอินโดนีเซียจึงมีมาตรการและแต่งตั้งให้เกาะโคโมโดเป็นอุทยานแห่งชาติ รวมถึงองค์การยูเนสโกเองก็ยังรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี 1991 และยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลกในปี 2011 อีกด้วย ดังนั้นที่นี่จึงจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และใกล้คนไทยมากที่สุด

4. เกาะกีลี มนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลแหล่งพักร้อนที่สมบูรณ์แบบ




อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและต้องการดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างแท้จริง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักดำน้ำ เพราะเกาะกีลี ถือเป็นแหล่งดำน้ำชั้นเลิศแห่งหนึ่งของโลก เป็นรูปแบบของทะเลที่สวยสมบูรณ์แบบ ด้วยหาดทรายสีขาวละเอียด น้ำใสและแนวปะการังความงามใต้ท้องทะเลลึก โดยปราศจากสิ่งเร้าสมัยใหม่ ที่จะทำให้เสียบรรยากาศโดยง่าย ซึ่งนอกจากการดำน้ำชมแนวปะการังที่สวยงามในยามเช้าแล้ว เพียงคนเอนกายลงบนหาดทรายที่ขาวนวล ดื่มเครื่องดื่มเพื่อความผ่อนคลาย หรือเพลิดเพลินกับคาเฟ่ริมหาด ช่วงจังหวะแห่งความนุ่มนวลนี้ อาจทำให้คุณหลงเสน่ห์ของที่นี่โดยไม่รู้ตัว
5. โทราจาแลนด์ แดนลึกลับแห่งอิเหนา – เที่ยวอินโดนีเซีย



สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเรื่องเร้นลับ ปริศนา ความเชื่อ นี่อาจเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณที่สูงทางตอนใต้ของเกาะสุลาเวสี ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา เป็นสถานที่ที่ชาวโทราจาอาศัยอยู่ การดำรงชีพแบบชาวพื้นเมืองทั่วไปนั่นก็คือการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือศิลปะของสิ่งปลูกสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ ตองโคนัน โดยมีลักษณะเด่นตรงที่หลังคามีขนาดใหญ่กว่าตัวบ้านรูปร่างคล้ายเรือ หน้าบ้านประดับด้วยเขาควายลักษณะเป็นมุมแหลม 2 ด้านเว้าลงมาตรงกลาง ซึ่งเป็นที่สะดุดตาอย่างมากแก่ผู้ที่พบเห็น ไม่เพียงแค่แปลกสะดุดตาเท่านั้น สิ่งที่น่าขนลุกยิ่งกว่าคือ บ้านที่โทราจาแลนด์นี้ เอาไว้สำหรับเก็บศพเพื่อรอทำพิธี ก่อนที่จะถูกฝังที่รังเล็กๆ ในโพรงต้นไม้ ดังนั้น นอกจากที่นี่จะขึ้นชื่อในเรื่องของการทำพิธีศพที่ไม่เหมือนใครแล้ว ที่นี่ยังเด่นในเรื่องของกาแฟ อีกด้วย

6. บูนาเคน สวรรค์ของนักดำน้ำอย่างแท้จริง




สำหรับผู้มีใจรักโลกท้องทะเล ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่จะไม่แนะนำก็ไม่ได้ โดยบูนาเคน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี มีความพิเศษตรงที่ที่ตั้งซึ่งเป็นดินแดนและห้วงน้ำรอยต่อระหว่าง ทวีปเอเชีย กับ ออสเตรเลีย เป็นแหล่งที่มีปลาชนิดต่างๆ มากมายกว่า 70 สายพันธ์ ถึงแม้จะถูกทำลายลงไปมาก ซึ่งทางอินโดนีเซียเองได้ตั้งให้ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลตั้งแต่ปี 1991 เพื่อการอนุรักษ์ให้ยั่งยืน ไม่เพียงแค่สิ่งมีชีวิตในท้องทะเลเท่านั้นที่น่าสนใจ ลักษณะของพื้นทะเลก็เป็นสิ่งที่แปลกตาหาดูได้ยาก โดยจะมีลักษณะเป็นหน้าผาลาดชันลงไปในทะเล (Wall dive) แม้ว่านักท่องเที่ยวโดยมากที่มาอินโดนีเซียจะรู้จักเกาะบาหลีมากกว่าแต่นั่นเป็นการท่องเที่ยวเพื่อสัมผัส ประเพณีและวัฒนธรรม แต่หากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสถึงทะเลแบบลึกซึ้งอย่างแท้จริงแล้ว ขอแนะนำให้มาที่ บูนาเคน บริการที่ขึ้นชื่อว่าเหมาะแก่การดำน้ำมากที่สุดในอินโดนีเซีย

7. ภูเขาไฟโบรโม อัญมณีแห่งชวาตะวันออก 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้




ภูเขาไฟที่ยังคงไม่มอดดับ ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลเพียง 2,392 เมตร โดยมีการระเบิดครั้งล่าสุดในปีพุทธศักราช 2547 ซึ่งหากจะแวะมาทีนี่ เราขอแนะนำให้มาถึงที่หมายก่อนรุ่งฟ้า เพื่อให้ทันเวลาชมพระอาทิตย์ที่สาดส่องทั่วพื้นดิน อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้พกพาอุปกรณ์กันหนาวมาด้วย เพราะที่นี่จะมีอากาศหนาวเย็นมากในช่วงเช้าและมืด การเดินทางเพื่อขึ้นชมปากปล่องภูเขาไฟนั้น สามารถเดินหรือขี่ม้า ซึ่งระหว่างทางจะมีที่พักให้เป็นจุดๆ โดยมากแล้วจุดประสงค์หลักๆของนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่คือ การเดินชมรอบปล่องภูเขาไฟ และในด้านความเชื่อของคู่รัก การนำดอกไม้ที่ซื้อจากชาวบ้านมาอธิษฐานแล้วโยนลงไปจะเป็นการขอให้ความรักของตนสมหวังและรักกันตราบนานเท่านาน

8. หุบเขาบาเลียม – ทัวร์อินโดนีเซีย




ด้วยความที่อินโดนีเซียมีความหลากหลายของประเพณีและวัฒนธรรม และมีกว้างใหญ่ไพศาล นอกจากสถานที่สวยงาม ธรรมชาติที่หลากหลาย เรามาพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ที่น่าสนใจในเขตบริเวณที่สูงทางทิศตะวันตกของนิวกินี ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนถึงโลกยุคหิน ด้วยความเป็นอยู่ที่อิงธรรมชาติ และยังมีดำรงชีพด้วยการปลูกบ้านเรือนอย่างง่าย การล่าสัตว์ด้วยอาวุธที่ประกอบขึ้นเอง ซึ่งเชื่อไม่ สถานที่แห่งนี้ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนเลย จนกระทั่งในปี 1938 ที่ถูกค้นพบโดยนักบินลาดตระเวน ชาวฮอลแลนเดีย ที่มาพบโดยบังเอิญ หุบเขาบาเลียมมีเมืองหลักชื่อ วาเมนา ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่า ดานี่ แม้ว่าคนพื้นเมืองที่นี่จะดำรงชีพแบบปิดมานาน แต่หากมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม ท่านก็จะได้รับการต้อนรับที่เป็นมิตรและแสนอบอุ่น – เที่ยวอินโดนีเซีย

9. อุทยานทันจัง พูทิง




อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของกาลิมันตัน โดยแต่เดิมเป็นแหล่งที่มีลิงอุรังอุตังจำนวนมาก แต่ต่อมาถูกรุกราน จนได้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัย เพื่ออนุรักษ์ และฟื้นฟูสมรรถภาพของลิงอุรังอุตังที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกโดยนม ซึ่งการเดินทางเที่ยวชมที่นี่ จะใช้วิธีโดยสารด้วยเรือ ผ่านคลองแคบๆ อันเงียบสงบ ที่เป็นแหล่งสัตว์เจ้าถิ่นอย่างจระเข้และนก โดยคุณสามารถที่จะเอนกายลงนอนบนดาดฟ้าเรือ โดยมีหลังคาเป็นป่าและเสียงของธรรมชาติที่ไพเราะ

10. ทะเลสาบโทบา ทัศนียภาพทางทะเลบนปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก




ทะเลสาบสีฟ้าอมเขียวเสน่ห์ของธรรมชาติที่ยังคงความสะอาด อากาศที่สดชื่น ที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองเมดาน อันเป็นเมืองใหญ่ของสุมาตราเหนือ เป็นที่น่าเหลือเชื่อว่า สถานที่นี้เคยเป็นสถานที่สร้างประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลก ด้วยการระเบิดแบบ super volcanoes ที่ไม่เหมือนกับการระเบิดของภูเขาไฟโดยทั่วไป จนทำให้เกิดการทรุดตัวของแอ่งภูเขาไฟ ด้วยระยะเวลาที่มากขึ้น การขยายของปากปล่องก็ยิ่งกว้างและลึกขึ้นเป็นที่เก็บกักน้ำฝนที่สวยงาม นอกจากนั้น จากการศึกษาเราเชื่อว่าการระเบิดของภูเขาไฟนี้ เป็นการระเบิดที่รุนแรงที่สุดที่โลกเคยมี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกด้วย

11. มัสยิดอิสติกอัล




มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สามารถรองรับคนได้มากกว่า 120,000 คน ซึ่งถูกสร้างขึ้นที่เมืองหลวงของกรุงจาการ์ตา ตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1975 ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจว่า ผู้ที่ออกแบบสถานที่แห่งนี้คือสถาปนิก ชาวคริสเตียน โดยจุดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมนี้คือ โดมขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากระยะไกลๆ เน้นตกแต่งแบบอนุรักษ์นิยม โดยภายในห้องสวดมนต์ขนาดยักษ์นั้นมีเสาขนาดใหญ่ถึง 12 ต้นเพื่อเป็นฐานรองรับ มีประตูเข้าออก ถึง 7 ทาง มีน้ำพุตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน รวมทั้งมีห้องสวดมนต์อีกหนึ่งห้องพร้อมลานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อีกหนึ่งความน่าประทับที่มากกว่าการออกแบบโดยชาวคริสเตียน คือการเอื้อเฟื้อสถานที่ของกันและกัน โดยหากชาวคริสเตียนมาทำพิธีศาสนาใกล้ๆ มัสยิด ก็สามารถที่จะเข้าจอดรถในบริเวณมัสยิดได้ นี่ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของอินโดนีเซีย ที่นอกจากจะมีระบบการเมืองการปกครองที่มีเสถียรภาพแล้ว ยังเป็นแบบอย่างที่ดีของการร่วมกันอย่างสันติในเรื่องของศาสนา

12. วัดพรัมบานัน




ศาสนสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เขตชวากลาง โดยตัววัดถูกสร้างขึ้นประมาณปีพุทธศักราช 1390 แต่ก็ถูกทิ้งให้ทรุดโทรมจนในปีพุทธศักราช 2461 ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่จนแล้วเสร็จในปีพุทธศักราช 2496 สำหรับชาวท้องถิ่นแล้ว วัดพรัมบานัน มีอีกชื่อว่า วัดโลโร จองรัง ซึ่งเป็นศาสนสถานของฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและงดงามไปด้วยลวดลายแกะสลักหินอันวิจิตร ซึ่งปัจจุบัน พรัมบานันได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 15 และเป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์อันชาญฉลาด เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้ ไม่ได้เปิดให้ชมได้ทั้งหมด แต่เพียงแค่บางส่วนก็นับว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว

13. เกาะสุลาเวสี




หรืออีกชื่อเรียกหนึ่ง คือ เกาะกล้วยไม้ เพราะเมื่อเรามองภาพบนแผนที่จะมีลักษณะคล้ายกับกล้วยไม้ ซึ่งเกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างเกาะบอร์เนียว และ เกาะมาลูกู โดยเดิมเคยเป็นที่ตั้งของราชอาณาจักรโกวา และบูกิส จนกระทั่งชาวดัตช์เข้ามามีบทบาทอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ Fort Totterdam ในมากัสซาร์ และได้สร้างป้อมปราการที่ถือเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมดัตช์ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในอินโดนีเซีย ทั้งนี้ในปัจจุบัน ป้อมโบราณแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ซึ่งอีกจุดที่น่าสนใจของที่นี่ ที่คนไทยควรทราบ นั่นคือก็ข้อสันนิษฐานว่าชื่อเมือง มากัสซาร์ นั้นเป็นที่มาของคำว่า มักกะสัน เพราะด้วยความเกี่ยวโยงกันในหลายๆหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยเหตุนี้ สถานที่แห่งนี้จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่หากได้แวะไปอินโดนีเซียแล้ว ก็สมควรที่จะแวะมาซักครั้ง

10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศไทย

ในประเทศไทย เราเชื่อว่าปีที่ผ่านมาหลาย ๆ คนคงได้ออกไปเที่ยวพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย ก็แหม…พอถึงเทศกาลหยุดยาวทีไร สถานที่ท่องเที่ยวฮอต ๆ ทั่วประเทศจะเต็มไปด้วยผู้คนที่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เสพวิวสวย ๆ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน หรือชิมอาหารท้องถิ่นอร่อย ๆ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการท่องเที่ยวเลยมาประมวลผลให้ดูกันว่า สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตแห่งปี  มีที่ไหนกันบ้าง แล้วเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่เหล่านั้นกันมาบ้างหรือยัง ? โดยเราจะเริ่มกันที่

1. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ "วัดพระแก้ว" กรุงเทพมหานคร



พระอารามหลวงในบริเวณพระบรมมหาราชวังแห่งนี้ เป็นหนึ่งในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวแห่งแรกๆ ของประเทศ ที่เปิดเผยออกสู่สายตาของชาวโลกเมื่อแรกเริ่มมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ขึ้นในประเทศไทยเมื่อ 50 ปีก่อน นอกจากความสำคัญในฐานะเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร "พระแก้วมรกต" สถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยที่สร้างเสริมสืบต่อกันมา และการตกแต่งประดับประดาอันอลังการก็เป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดใจ โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนังรอบพระระเบียงคด เรื่องรามเกียรติ์อันวิจิตรตระการตาและมีความยาวที่สุดในโลก

 2. วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่



ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองบนยอดดอยสูง สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุตั้งแต่ พ.ศ. 1916 ในสมัยพญากือนาแห่งอาณาจักรล้านนา ความสง่างามขององค์พระธาตุเจดีย์เหลี่ยมประดับด้วยแผ่นทองอร่ามตา รวมทั้งการตกแต่งประดับประดาด้วยศิลปกรรมล้านนาอันงดงาม ท่ามกลางม่านหมอกของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เหนือเทือกดอยสูง รวมทั้งสภาพอากาศอันเย็นสบาย ผสมผสานกันเป็นบรรยากาศอันขรึมขลังที่แตกต่างจากสถานที่อื่น ๆ อย่างเป็นเอกลักษณ์ สร้างความประทับใจกับผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้รับคะแนนนิยมอย่างล้นหลามตามอันดับ 1 มาติด ๆ

3. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา




อดีตราชธานีที่มีอายุยาวนานที่สุดของสยามประเทศ คือ 417 ปี ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และ วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2534 ร่องรอยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่และงดงามที่หลงเหลือกระจัดกระจายอยู่ สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองสืบเนื่องมาหลายยุคหลายสมัย
แม้ในระยะหลังจะมีปัญหาความเสื่อมโทรมและการรุกล้ำพื้นที่ จนมีข่าวลือหนาหูว่าจะถูกเพิกถอนจากบัญชีมรดกโลก แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เป็นปัญหาจนคลี่คลายไปได้ด้วยดี ด้วยระยะทางที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ ไม่ไกลเกินนักท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไปจะสัมผัสได้ ทำให้ได้รับคะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 3

4. วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร




องค์พระปรางค์สูงตระหง่านเสียดฟ้าริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ได้รับการยกย่อง ว่าเป็นสุดยอดด้านงานสถาปัตยกรรมชั้นเยี่ยมแห่งหนึ่งของยุครัตนโกสินทร์ ด้วยความสูงทั้งสิ้น 33 วาเศษ จึงถือว่าเป็นพระปรางค์ที่สูงใหญ่ที่สุดในโลกด้วย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
รอบองค์ปรางค์วิจิตรอลังการด้วยการตกแต่งประดับประดาด้วยถ้วยชามกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ เป็นเอกลักษณ์อันเป็นที่รู้จักดีอย่างหนึ่งของประเทศไทยในสายตาชาวต่างประเทศ จึงถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (อ.ส.ท.) ซึ่งกลายมาเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในทุกวันนี้


5. อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย



เมืองโบราณที่มีร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ยุคชุมชนก่อนประวัติศาสตร์ พัฒนาการขึ้นมาตามลำดับ จนกระทั่งเป็นแว่นแคว้นที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมระดับสูง ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2534 โดดเด่นด้วยโบราณสถานขนาดใหญ่จำนวนมากมายที่สร้างด้วยศิลาแลง ทั้งในส่วนของเมืองเชลียงอันเป็นเมืองในยุคเริ่มแรก และในส่วนของเมืองศรีสัชนาลัยซึ่งเป็นส่วนต่อขยายที่เจริญขึ้น
ในยุคต่อมาโบราณสถานเหล่านี้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเทือกทิวเขาและแมกไม้อันร่มรื่น ปราศจากการรบกวนจากความเจริญสมัยใหม่ จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีบรรยากาศงดงามสมบูรณ์มากที่สุดของประเทศไทย

6. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย



เมืองโบราณที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเมืองศรีสัชนาลัยอย่างใกล้ชิด ในด้านวัติความเป็นมาขึ้นทะเบียนมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2534 ในนามเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวารร่วมกับเมืองศรีสัชนาลัยและ เมืองกำแพงเพชร เป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมอันงดงามอ่อนช้อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นแหล่งกำเนิดศิลปวัฒนธรรมสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรไทย การวางผังเมืองอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในด้านศิลปกรรม พุทธประติมากรรมของสุโขทัยได้รับการยอมรับกันว่าเป็นสุดยอดทางความงามของศิลปะไทย เมืองเก่าสุโขทัยมีโบราณสถานขนาดใหญ่ตระการตาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะพระพุทธรูปขนาดมหึมา แต่ในเรื่องของบรรยากาศความเป็นธรรมชาติอาจเป็นรองศรีสัชนาลัยอยู่เล็กน้อย เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมือง

7. พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม



ตามตำนานกล่าวว่าองค์พระธาตุเดิมสร้างมานานไม่น้อยกว่า 2,300 ปี โดยพระมหากัสสปะพร้อมพระอรหันต์ 500 องค์ ได้นำพระอุรังคธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบรรจุไว้ พระธาตุพนมเคยล้มทลายลงทั้งองค์ใน พ.ศ. 2518 เนื่องจากความเก่าแก่และถูกพายุฝนกระหน่ำต่อเนื่องกันหลายวัน ชาวไทยทั้งประเทศได้ร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม แล้วเสร็จใน พ.ศ. 2522
ในวันนี้พระธาตุพนมจึงยังคงตระหง่านงามอยู่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธ ศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมไปถึงทางฝั่งลาวด้วย ในวันเพ็ญเดือน 3 ของทุกปี จะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาร่วมงานสมโภชพระธาตุพรมจากทั่วทุกสารทิศ

 8. พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม



ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองนครปฐม พระเจดีย์องค์เดิมมีลักษณะทรงโอคว่ำหรือทรงมะนาวผ่าซีก แบบเดียวกับพระสถูปสาญจี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชวินิจฉัยว่าเจดีย์ใหญ่องค์นี้อาจเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นแต่ครั้งพระสมณทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก จึงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นและพระราชทานนามใหม่ว่า "พระปฐมเจดีย์" อันมีความหมายว่าเจดีย์แห่งแรก
ปัจจุบันยังคงมีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการะเป็นจำนวนมากทุกปี ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปกรรมชิ้นเยี่ยมสมัยทวารวดีเอาไว้มากที่สุดด้วย

9. อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา



เมืองโบราณในแบบแผนของสถาปัตยกรรมขอม ชื่อ "พิมาย" มาจากคำว่า "วิมาย" หรือ "วิมายปุระ" ที่ปรากฏในจารึกภาษาขอมบนแผ่นหินตรงกรอบประตูระเบียงคดด้านหน้าของปราสาท จุดเด่นของเมืองคือปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากหลักฐานศิลาจารึกและรูปแบบทางศิลปะสร้างบ่งบอกว่า สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในฐานะเทวสถานของศาสนาพราหมณ์รูปแบบของศิลปะเป็นแบบบาปวนผสมผสานกับศิลปะแบบนครวัด ซึ่งปราสาทนี้ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นสถานที่ทางศาสนาพุทธในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน ที่ 7 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ยังเป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุศิลปะขอมเอาไว้จำนวนมากและน่าสนใจที่สุดของ ประเทศไทยอีกด้วย

10. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี จังหวัดเพชรบุรี



พระนครคีรีหรือเขาวัง เป็นพระราชวังแห่งเดียวของประเทศไทยที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งแต่เดิมมีชื่อเรียกว่า "เขาสมณะ" เนื่องจากมีวัดสมณะอารามเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาอยู่บนไหล่เขาด้าน ตะวันออก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ครั้งยังผนวชอยู่เคยเด็จมาปฏิบัติภาวนาบนยอดเขา หลังเสด็จขึ้นครองราชย์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้น โดยยอดเขาทางทิศตะวันตกเป็นที่ประทับและเรือนบริวารยอดกลางเป็นที่ตั้งของ พระธาตุจอมเพชร บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และบนยอดเขาด้านตะวันออกเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว อารามประจำพระราชวังพระนครคีรี พระราชทานนามว่า "พระราชวังพระนครคีรี" โดดเด่นด้วยความงดงามของสัดส่วนที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมกับสภาพภูมิประเทศ

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559


10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในประเทศฟิลิปปินส์


ฟิลิปปินส์ ประเทศเกาะที่โดดเด่นเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล หรือหาดทราย มันจึงเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนไม่ขาดสาย และสำหรับใครที่มีแพลนจะไปฟิลิปปินส์ละก็ เรามี 10 สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในฟิลิปปินส์จากเว็บไซต์ touropia มาแนะนำกันค่ะ

1. อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา (Tubbataha Reef)




ใครที่ชื่นชอบการดำน้ำชมปะการัง อย่าลืมแวะเวียนมาที่ทะเลซูลู (Sulu Sea) เพราะมันเป็นที่ตั้งของอุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา ปะการังวงแหวนอันสวยงามและมีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังคงความสมบูรณ์ รวมทั้งมีปลาทะเลมากมายหลายสายพันธุ์ โดยอุทยานแห่งชาติปะการังตุบบาตาฮาจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดำน้ำชมปะการังในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน นั่นก็เพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวทะเลมีคลื่นลมสงบนั่นเอง

2. โบสถ์ซานอากุสติน (San Agustin Church)




โบสถ์ซานอากุสติน ตั้งอยู่ในกรุงมะนิลา และยังเป็นโบสถ์อันเก่าแก่ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1589 ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากเคยเกิดแผ่นดินไหวถึงเจ็ดครั้งและไฟไหม้อีกสองครั้ง ทว่าโบสถ์ซานอากุสตินยังคงรอดพ้นมาได้และคงสภาพที่สมบูรณ์เช่นเดิม ด้านสถาปัตยกรรมนั้น ภายนอกของโบสถ์ทำจากหินส่วนภายในได้รับอิทธิพลการตกแต่งแบบเม็กซิกัน ดังจะเห็นได้จากการออกแบบไม้กางเกงและจิตรกรรมฝาผนังโดย Giovanni Dibella และ Cesare Alberoni สองศิลปินชาวอิตาเลียนที่ได้บรรจงวาดไว้เมื่อปี ค.ศ. 1800

3. ภูเขาไฟมายอน (Mayon Volcano)




ภูเขาไฟมายอน ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่สวยงามซึ่งแฝงไปด้วยอันตราย เพราะมันเป็นภูเขาไฟที่มีการปะทุบ่อยที่สุดในฟิลิปปินส์โดยมีการปะทุถึง 49 ครั้งในรอบ 400 ปี แต่ครั้งร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1814 เป็นการปะทุแบบทำลายล้างและมีลาวาไหลไปทั่วซึ่งจะเห็นได้จากลาวาที่แข็งตัวจนกลายเป็นหินอยู่รอบพื้นที่ ทว่าความสวยงามของรูปทรงและจุดชมวิวบนยอดเขาทำให้นักท่องเที่ยวมักจะเสี่ยงขึ้นมาตั้งแคมป์, ปีนเขาและเดินป่าเพื่อชมความงดงามของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีซากปรักหักพังของโบสถ์อันเก่าแก่ที่ถูกทำลายโดยลาวาและยังคงเป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมาแชะภาพคู่

4. เกาะมาลาปาสกัว (Malapascua Island)




เกาะมาลาปาสกัว เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจด้วยการดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึกเพื่อชมปะการัง นอกจากนี้มันยังเป็นที่ซึ่งคุณจะพบกับสัตว์ประจำถิ่นอย่าง ฉลามหางยาว, ปลากระเบนแมนตา และปลาฉลามหัวค้อนได้แบบง่าย ๆ หรือใครอยากจะชิลไปกับการเดินรับลมหรือนอนอาบแดดบนชาดหายสีขาวก็เป็นไอเดียที่ดี ที่สำคัญยังมีสวนมะพร้าวมากมาย คุณจึงสดชื่นไปกับการดื่มน้ำมะพร้าวรสชาติหอมหวาน แค่คิดก็ฟินสุด ๆ แล้ว

5. เมืองเปอร์โต กาเลรา (Puerto Galera)




เมืองเปอร์โต กาเลรา เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา และมันยังมีชายหาดที่ที่สวยงามขึ้นชื่อว่าต้องมาเยือนสักครั้ง เพราะนอกจากหาดทรายขาวที่ทอดยาวขนานกับชายฝั่งแล้ว ยังมีสัตว์น้ำทะเลหลากหลายชนิดที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของมัน และที่พลาดไม่ได้เลย คือ หาด Muelle ที่โด่งดังเรื่องการดำน้ำชมปะการังและการล่องเรือชมความสวยงามรอบเกาะ หรือใครที่กำลังหาสถานที่สำหรับดินเนอร์กับคนรัก ที่นี่ก็มีร้านอาหารมากมายไว้รองรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังมีบาร์และร้านรวงหลายแห่งด้วยเช่นกัน คุณจึงไม่เบื่อเลยกับการใช้วันหยุดยาวที่เปอร์โต กาเลรา

6. อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โตปรินเซซา (Puerto Princesa Underground River)




อุทยานแห่งชาติแม่น้ำใต้ดินปวยร์โตปรินเซซา ตั้งอยู่ทางชายฝั่งด้านเหนือของเกาะปาลาวัน และยังถือเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เพราะนอกจากบรรยากาศดี ๆ รอบด้านแล้ว คุณยังจะได้เห็นอันซีนฟิลิปปินส์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำใต้ดินที่มีความยาวที่สุดในโลก, สัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงค้างคาวด้วย นับเป็นความหลากหลายทางธรรมชาติที่หาดูได้ยาก อีกทั้งไม่ควรพลาดกับการนั่งเรือเข้าไปชมความงดงามของหินงอกหินย้อยรูปร่างต่าง ๆ ที่รับรองว่าทำให้จินตนาการของคุณไม่หยุดนิ่งแน่นอน

7. เมืองดอนซอล (Donsol)




เมืองดอนซอล มีชายหาดที่สวยงามและขึ้นชื่อเรื่องจำนวนฝูงฉลามวาฬที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมิถุนายน แต่ช่วงพีคสุดนั้นอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ยังมีป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาล่องเรือมาสัมผัสกับความสดชื่นบริเวณแม่น้ำดอนซอล และในตอนค่ำคืนยังมีหิ่งห้อยนับล้านที่เปล่งแสงออกมาจากเงาไม้ ก่อให้เกิดภาพที่สวยงามมากทีเดียว ที่สำคัญยังหาดูได้ยากในที่อื่น ๆ

8. ภูเขาช็อกโกแลต (Chocolate Hills)




ภูเขาช็อกโกแลต ถือเป็นไฮไลท์เด็ดของฟิลิปปินส์ ด้วยภูเขาที่มีลักษณะรูปร่างที่ใกล้เคียงกันเรียงรายอยู่ทั่วเกาะโบฮอลกว่า 1,268 ลูก ทำให้มันเป็นภาพที่งดงามและตระการตาไม่น้อย และความงดงามของแต่ละฤดูกาลยังไม่ซ้ำกัน โดยเฉพาะช่วงที่ภูเขาเปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีส้มและสีเหลือง จึงถือเป็นอันซีนฟิลิปปินส์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานการเกิดของภูเขาว่า เป็นผลมาจากการต่อสู้ของยักษ์สองตน ซึ่งเมื่อตนหนึ่งแพ้และล้มตายไป ยักษ์ซึ่งเป็นคู่รักจึงร้องไห้เสียใจจนน้ำตาหยดกลายเป็นภูเขา แต่จากการสำรวจของผู้เชี่ยวชาญบอกว่า มันเกิดความผิดปกติทางธรณีวิทยานั่นเอง

9. เกาะโบราไกย (Boracay Island)




เกาะโบราไกย เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสีสันของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างเนืองแน่นในทุกปี เพราะไม่ใช่แค่วิวทิวทัศน์อันสวยงาม แต่การเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีบริการรับ-ส่งจากสนามบินมายังท่าเรือ จากนั้นจึงนั่งเรือต่อมายังเกาะ อีกทั้งยังมีที่พักบนเกาะมากมายให้คุณได้ค้างคืนชิล ๆ พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ทั้งดำนำ, ล่องเรือ และในยามราตรียังมีคาเฟ่เล็ก ๆ ให้คุณสนุกกับแสงสียามค่ำคืนด้วย

10. นาขั้นบันไดบานาเว (Banaue Rice Terraces)




อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่ามาเยือนฟิลิปปินส์หากไม่ได้แวะมาที่นาขั้นบันไดบานาเว ซึ่งเกิดจากการแกะสลักภูเขาของชนเผ่า Ifugao เมื่อสองพันปีก่อนเพื่อใช้ในการทำฟาร์ม ซึ่งเป็นที่น่าทึ่งว่าในสองพันกว่าปีก่อนนั้นยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย ทว่าชนเผ่าเหล่านี้กลับแกะสลักภูเขาทั้งใบได้อย่างสวยงาม และปัจจุบันมันได้กลายเป็นที่ปลูกข้าวของชาวนาที่มีลักษณะเป็นขั้นบันได ก่อให้เกิดภาพที่สวยงามและยังเหมาะแก่การมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวอีกด้วย